วิธีรักษารอยสิว: สาเหตุของรอยดำและรอยแดงจากสิว และวิธีรักษา
เมื่อเรารักษาสิวจนหายดีแล้ว หลายคนอาจละเลยการดูแลผิวหน้าอย่างถูกวิธีในลำดับต่อไป เพราะความเป็นจริงปัญหาผิวยังไม่จบแค่นั้น เพราะรอยดำและรอยแดงจากสิว (Post-Inflammatory Hyperpigmentation and Post-Inflammatory Erythema) เป็นปัญหาผิวที่เกิดขึ้นตามมาในภายหลัง และต้องรักษาต่อไปด้วยเช่นกัน แม้ว่ารอยสิวต่าง ๆ ทั้งรอยดำ รอยแดงอาจไม่ได้ส่งผลเสียต่อร่างกายหรือผิวหน้าโดยตรง แต่ในเรื่องของจิตใจเมื่อเราสังเกตเห็นรอยสิวที่เกิดขึ้นบริเวณผิวหน้า ก็สามารถเกิดความเครียดตามมาได้ เมื่อยิ่งเครียด สิวก็ยิ่งขึ้นซ้ำ ด้วยเหตุนี้เอง การเข้าใจสาเหตุของการเกิดรอยดำรอยแดงจากสิว จะช่วยให้เราสามารถรับมือและจัดการกับปัญหาผิวเหล่านี้ได้ รวมถึงเข้าใจวิธีลดรอยดำและรอยแดงจากสิวอย่างตรงจุด
สาเหตุของรอยดำและรอยแดงจากสิว
รอยดำและรอยแดง เกิดจากการที่สิวอุดตันที่เกิดขึ้นไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที จึงก่อให้เกิดการอักเสบและการติดเชื้อแบคทีเรียตามมา กลายเป็นสิวอักเสบ หากการอักเสบลุกลามมากขึ้น สิวอักเสบจะกลายเป็นไตแข็ง ๆ ไม่มีหัว เกิดเป็นหนองบวมและแดง เมื่อกดจะเจ็บมาก เรียกอีกอย่างว่า ซีสต์หรือสิวหัวช้าง รอยแดงจากสิวที่เกิดขึ้นขณะเป็นสิวอักเสบแล้วยุบ เกิดจากการขยายตัวของหลอดเลือดบริเวณที่เกิดการอักเสบ โดยภาวะการอักเสบของสิว หากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกวิธีอาจทำให้ผิวหนังบริเวณดังกล่าวกลายเป็นรอยแดงอยู่นาน หรืออาจเป็นรอยแดงถาวรได้ สำหรับรอยดำมักเกิดภายหลังจากที่สิวอักเสบหายดีแล้ว โดยเกิดจากเนื้อเยื่อถูกทำลายขณะที่เราเป็นสิว โดยผิวบริเวณนั้นยังมีการสร้างเนื้อเยื่อที่ไม่สมบูรณ์ และมีการรวมตัวของเม็ดสีจึงทำให้เกิดรอยดำจากสิวขึ้น ซึ่งแสงแดดก็มีส่วนที่ทำให้รอยดำจากสิวมีสีเข้มขึ้นเช่นกัน
วิธีรักษารอยดำและรอยแดงจากสิว
การรักษารอยดำและรอยแดงจากสิวมีหลายวิธี ทั้งแบบธรรมชาติ แบบการใช้เครื่องมือ และการทำทรีทเม้นท์ต่าง ๆ เพื่อเร่งการรักษา ซึ่งมีข้อดี-ข้อเสียแตกต่างกันไป โดยวิธีธรรมชาติจะมีข้อดีคือ ปลอดภัยราคาถูก แต่ก็มีข้อเสียคือใช้เวลาในการรักษาที่นานกว่า สำหรับการใช้เครื่องมือและการทำทรีทเม้นท์จะมีข้อดีคือ เห็นผลไว แต่ก็มีข้อเสียคือ ค่าใช้จ่ายในการรักษาต่อครั้งมีราคาสูง และอาจทำให้ผิวบางและไวต่อแดดขึ้น สำหรับวิธีรักษารอยดำและรอยแดงแบบธรรมชาติ มีดังนี้
- การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ รวมถึงอาหารเสริมต่าง ๆ ถือเป็นการช่วยลดรอยดำรอยแดงจากสิวที่เริ่มต้นได้ง่าย ๆ จากภายใน โดยเลือกรับประทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง นอกจากจะช่วยลดการอักเสบของสิวแล้ว ยังช่วยลดรอยดำรอยแดงจากสิวได้อีกด้วย
- หลีกเลี่ยงการเจอแสงแดดจัดและควรทาครีมกันแดดเป็นประจำ เพื่อช่วยปกป้องผิวจากแสงแดด รวมถึงยังช่วยลดรอยดำ รอยแดง และจุดด่างดำจากสิวได้อีกด้วย
- การใช้สกินแคร์ที่มีส่วนผสมต่าง ๆ เช่น วิตามินซี เรตินอล กรดซาลิไซลิกอาร์บูติน กรดโคจิก กรดไกลโคลิคไนอะซีนาไมด์ เป็นต้น ส่วนผสมต่าง ๆ ที่กล่าวมาข้างต้น มีส่วนช่วยในการผลัดเซลล์ผิว บำรุง และปรับสีผิวให้กระจ่างใส ลดการสร้างเม็ดสี และช่วยลดรอยดำและรอยแดงจากสิวได้
การรักษารอยดำและรอยแดงจากสิวโดยการใช้เครื่องมือและการทำทรีทเม้นท์ มีดังนี้
- LED Light Therapy เป็นการรักษาด้วยแสงความเข้มข้นสูง ความพิเศษของเครื่อง LED คือจะมีแสง 4 สี สีฟ้าและสีแดงใช้รักษาสิว แสงสีเขียวและสีเหลืองนำมาใช้รักษารอยสิว แสงแต่ละสีจะทำหน้าที่ต่างกันเพื่อลดปัญหาในแต่ละประเภท มักจะใช้ควบคู่กับการรักษาอื่น ๆ เช่น ทายา รับประทานยา หรือเลเซอร์
- IPL หรือเครื่องปล่อยแสงความเข้มสูง ความยาวคลื่นระหว่าง 500-1,200 nm ส่งมาที่ผิวหน้า ทำให้แสงถูกดูดซึมด้วยตัวดูดแสงในผิวได้ จึงสามารถใช้ในการรักษาได้หลายอย่าง หลัก ๆ จะช่วยทำให้ผิวกระจ่างใส อ่อนเยาว์ ช่วยลดเลือนริ้วรอย กระ และจุดด่างดำ ซึ่ง IPL จะไม่เหมาะกับผู้ที่มีสีผิวคล้ำ
- Dual Yellow Laser มี 2 ชนิด คือ แสงสีเหลือง ความยาวคลื่น 578 nm เหมาะสำหรับรักษารอยที่มีสีแดง เช่น เส้นเลือดผิดปกติ ปานแดง รอยแผลเป็นสีแดง ส่วนแสงสีเขียว ความยาวคลื่น 511 nm จะถูกดูดซับได้ดีในเมลานินจึงใช้สำหรับรักษารอยโรคที่เกิดจากความผิดปกติของเม็ดสี โดยหลังทำควรจะทากันแดด งดการขัดผิวหรือทายาที่อาจทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิว
- เลเซอร์กำจัดรอยแดง หรือ V-Beam Laser จะมีความยาวคลื่น 595 nm ซึ่งให้เลเซอร์สีเหลืองที่มีความยาวคลื่นที่สั้นและจำเพาะ ลงลึกได้มากกว่า Dual Yellow Laser และได้ผลที่สุดในการรักษาปัญหาที่เกี่ยวกับเส้นเลือดหรือปัญหาแผลที่มีสีแดง ช่วยกระตุ้นการเสริมสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนังมากขึ้น ข้อดีคือ หลังทำไม่ต้องพักฟื้น ไม่มีการตกสะเก็ด
- การลอกหน้าด้วยกรดผลไม้ จะช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว เพื่อให้เซลล์ผิวชั้นในสร้างคอลลาเจนเพิ่มขึ้น ช่วยให้จุดด่างดำหรือรอยสิวต่าง ๆ ดูจางลง
- ทรีทเม้นท์หน้าใส Electro oration เป็นวิธีการส่งผ่านสารอาหารที่จำเป็นต่อผิวเข้าสู่ผิวได้โดยไม่ต้องฉีดยา ทำให้ผิวหน้าสดใสและมีสุขภาพดี โดยอาศัยหลักการในการใช้ประจุไฟฟ้าที่มีทั้งอิออนบวกและลบในการผลักวิตามินที่มีโมเลกุลหลายขนาดลงสู่ชั้นผิว ซึ่งจะได้ผลดีกว่าการใช้มือทาครีมถึง 95%
การรักษารอยดำและรอยแดงจากสิวส่วนมากจะใช้ระยะเวลาในการรักษา อาจกินเวลานานถึงปี ขึ้นอยู่กับระยะเวลาการเกิดรอยหลังจากเป็นสิว หากเป็นรอยใหม่และได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ก็สามารถหายได้เร็วกว่ารอยที่เป็นมานาน สิ่งสำคัญสำหรับผู้ที่กังวลรอยดำและรอยแดงจากสิว คือ ต้องมีความใจเย็นและอดทน มีวินัยและปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด เพื่อผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัย รวมถึงเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมก็จะเห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจน
กดสิวที่ไหนดี | รักษาสิว ทองหล่อ | กดสิว ทองหล่อ | รักษาสิว เอกมัย | กดสิว เอกมัย | รักษาสิว พระโขนง | กดสิว พระโขนง | รักษาสิว อ่อนนุช | กดสิว อ่อนนุช | รักษาสิว อุดมสุข | กดสิว อุดมสุข | รักษาสิว บางนา | กดสิว บางนา